วันอาทิตย์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2555

พิพิธภัณฑ์เหมืองแร่ภูเก็ต

พิพิธภัณฑ์เหมืองแร่ภูเก็ต

ตั้งอยู่ในเขตอำเภอกะทู้  ตอนนั่งรถเข้าไป  รู้สึกมันไกลมาก  ต้องจอดถามทาง  เพราะป้ายบอกทางขาดหายในช่วงกลางๆของเส้นทาง  แต่ด้วยความรู้สึกถึงคำว่าเหมือง  เราประเมินว่า  คงน่าจะอยู่ขึ้นไปบนเขา  และเป็นอย่างที่เราคิดจริงๆ

           เพราะความรู้สึกประทับใจในวัยเด็ก  จึงทำให้แม่ทรัพย์อยากพาเด็กๆมาเรียนรู้ที่นี้   วัยเด็กของแม่ทรัพย์  ในวันเสาร์อาทิตย์  เมื่อครั้งที่ขุมเหมืองเจ้าฟ้า  (ปัจจุบันคือสวนหลวงร .9)  ไม่ได้ทำการขุดแร่ด้วยเครื่องจักรแล้ว คงไม่คุ้มหากเจ้าของเหมืองจะขุดด้วยการจ้างแรงงานคนและใช้เครื่องจักรขนาดใหญ๋  เพราะปริมาณแร่ที่เหลืออยู่ไม่มากพอ   มีผู้คนมากมายหลั่งไหลเข้าไปขุดแร่ด้วยมือและเครื่องมือที่ใช้ในครัวเรือน  เพื่อหาแร่ที่ยังคงมีอยู่ในขุมเหมือง  และครอบครัวของแม่ทรัพย์ก็เป็นหนึ่งในผู้คนเหล่านั้นด้วย  

             เป็นประสบการณ์ที่แสนสนุกและประทับใจ  เราได้ว่ายน้ำในขุมเหมืองใหญ่ๆ  (จริงๆมันลึกและอันตรายมาก)  แต่ด้วยความที่เราเป็นเด็ก  และเห็นว่ามีคนเยอะแยะไปหมด  ถ้าจมน้ำคงมีคนช่วยทัน  แม่ทรัพย์ชอบว่ายน้ำถือแกลลอนกระป๋องสีไปตักดินบนเนินกลางขุมเหมือง  ด้วยความรู้สึกว่าตรงนั้นน่าจะมีแร่เม็ดใหญ่ๆมากกว่าบริเวณดินรอบๆน้ำ  ซึ่งมีคนขุดมากแล้ว  จึงได้ว่ายน้ำไปตักดินใส่แกลลอนสีมาให้คุณแม่ร่อนหาแร่  แล้วเราก็ได้แร่เม็ดใหญ่กว่าจริงๆด้วยสิ  

               วันเสาร์อาทิตย์  จึงเป็นวันที่พวกเรารอคอย  เพราะการได้ไปร่อนแร่หมายถึงเรามีรายได้เสริม  ยิ่งถ้าได้แร่เม็ดใหญ่  ราคาขายก็มากกว่าแร่เม็ดละเอียด  แม่ทรัพย์ก็ดูผู้ใหญ่เขาทำกันยังไง  เราก็แอบทำตามๆเขา  จนร่อนแร่เป็น  ซึ่งเป็นทักษะที่ไม่ง่ายเลยนะคะ  แม่ทรัพย์รู้สึกภูมิใจมาก  ที่สามารถทำได้  แต่กว่าจะได้ทำ  เราก็ต้องรอจนผู้ใหญ่เหนื่อย  ช่วงที่เขาพัก  เราก็ได้ทำแบบครูพักลักจำเอา

                เมื่อแม่ทรัพย์รู้ว่าอำเภอกะทู้เปิดพิพิธภัณฑ์เหมืองแร่  แม่ทรัพย์จึงตั้งใจไว้ว่า  ต้องพาเด็กๆมาเรียนรู้ที่นี้ให้ได้  และเราก็จะได้เรียนรู้เพิ่มเติมไปพร้อมๆกัน   

                 

                ที่นี้จัดการแสดงเป็น  2  ส่วน  คือส่วนภายในและภายนอกอาคาร  และการจัดแสดงภายในสามารถถ่ายรูปได้เฉพาะห้องที่จัดแสดงวิถีชีวิตชาวเหมืองเท่านั้น  ส่วนด้านนอก  จัดเต็มตามความสนใจคะ         

          ห้องนี้ดูมีชีวิตชีวานมาเมื่อทันที  เมื่อเขาอนุญาตให้จับต้องและถ่ายรูปได้  พวกเราจึงสวมบทบาทเป็นชาวเหมืองกันเต็มที่  ดูจากรูปจะรู้ว่าแต่ละคนจิตนาการสุดๆหยุดไม่อยู่เลยคะ




                       พื้นที่จัดแสดงด้านนอก  ก็เป็นอีกที่ที่ทำให้เด็กๆได้ปลดปล่อยพลังงาน  พร้อมๆกับการเรียนรู้  เครื่องจักรและชิ้นส่วนต่างๆของเรือที่ใช้ในเรือขุดเรือดีบุก

          


                      รางเหมืองแร่จำลอง  บททดสอบความแข็งแกร่งอีกรูปแบบ  เด็กๆใช้เวลาอันรวดเร็ววิ่งขึ้นไปบนราง  ส่วนผู้ใหญ่อย่างเรา  ค่อยๆเดิน  รักษาพลังงานไว้ใช้อย่างคุ้มค่าที่สุด  5555  เร็วเกินไป  เดี๋ยวแรงหมดก่อนถึงที่หมายคะ






                     จุดชมวิวที่สวยและอากาศสดชื่นสุดๆเลยคะ




           วิวขุมเหมืองด้านหน้า  และภูเขาด้านหลัง  สวยมากๆ ทำให้แม่ทรัพย์คิดถึงความทรงจำในวัยเด็กอีกแล้วคะ  ต้องออกมาไกลแหล่งความเจริญมากๆจึงจะได้เห็นและภูเก็ตในวันนี้หาดูวิวแบบนี้ยากมากแล้วคะ  เมื่อความเจริญเข้ามาแทนที่  เราจึงได้เห็นแค่วิวตึกแทนผืนป่าที่น่ามองและมีประโยชน์ต่อเรามากมายมหาศาล



































                        ท้ายสุด  อยากหยุดเวลาไว้ที่ตรงนี้  อยากหยุดการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อสร้างความเจริญ   อยากให้ภูเก็ตมีป่าไว้คุ้มครองปกป้องภูเก็ตจากภัยธรรมชาติตราบนานเท่านาน  เพราะเรารักเราห่วงใยภูเก็ตและคนภูเก็ตคะ

ยุ้งข้าวได้ค้นคว้าไว้ดังนี้












บ้านชินประชา

บ้านชินประชา

อังมอเหล่าหลังแรกของภูเก็ต อายุ  109  ปี  เป็นสถาปัตยกรรมแบบชิโนโปรตุกีส


ป้าแดง เจ้าของอังมอเหล่า บ้านชินประชา รอต้อนรับพวกเราด้วยรอยยิ้ม


ภายในของบ้าน สวยงามและคงสภาพดั่งเดิมไว้ได้ เข้าไปแล้วเรารู้สึกได้ถึงความโล่งโปรงสบาย รู้สึกได้ว่าบ้านหลังนี้น่าอยู่ และอยู่สบาย ถึงมีลูกหลานอาศัยอยู่มาจนถึงรุ่นที่  6  แล้วคะ


ยุ้งข้าวหาข้อมูลไว้ดังนี้

เรียนรู้ชุมชนโบราณ สถาปัตยกรรมแบบชิโนโปรตุกีส ที่ถนนถลาง ภูเก็ต


          หลายครั้งที่ไปภูเก็ต  แม่ทรัพย์มักพายุ้งข้าวไปถนนถลางเสมอ  ในประสบการณ์ชีวิตของแม่ตอนเด็ก  เราไปซื้อผ้าและอุปกรณ์การตัดเย็บกันที่ถนนถลางกัน  ความทรงจำที่ประทับใจในตอนนั้นสำหรับที่นี้คือ  "หง่อคาขี่"  การเปิดช่องทางเดินที่เชื่อมต่อกันระหว่างบ้าน ลักษณะเป็นทางโค้งเชื่อมต่อกันระหว่างบ้าน  ทำให้เราเดินไปตลอดเส้นทางโดยไม่ร้อน  ไม่เปียกเมื่อฝนตก  แต่ปัจจุบันมีการปิดเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการวางของขาย  ทำให้เสน่ห์ที่แม่ทรัพย์ประทับใจขาดหายไป

         ปัจจุบันเจ้าของบ้านซึ่งมีอายุเยอะๆทำการค้าไม่ไหว  ก็ปล่อยร้านให้เช่า  เฉพาะด้านหน้า  แต่ด้านหลังและชั้นบนใช้อยู่อาศัยเหมือนเดิม  คงสงสัยว่าเขาจะอยู่แค่ด้านหลังบ้านคงจะอึดอัดกันน่าดู  แต่บ้านที่นี้มีความยาวถึง  150  เมตร  มีการทำช่องแสงอย่างน้อย 1  ช่องแสงและบ่อน้ำอยู่ทุกหลัง




          เราได้ใช้บริการมัคคุเทศก์ชุมชน  จึงมีโอกาสได้เข้าเยี่ยมชมบ้านชาวบ้าน  ที่ยังคงรักษาความดั่งเดิมไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ดู  บ้านที่สร้างขึ้นอายุเกิน 100  ปี  สภาพที่เห็นคือสภาพเดิมที่ไม่ได้ปรับปรุงใดๆ  สิ่งที่เราสัมผัสได้คือ  แม้นต้องอยู่แต่ด้านหลังของบ้าน  แต่ยังคงใช้ชีวิตอยู่ได้ไม่อึดอัดเพราะการมีช่องแสง   นอกจากถูกหลักฮวงจุ้ยแล้ว  ยังช่วยประหยัดไฟ ไม่มีกลิ่นอับในบ้าน  ช่องแสงช่วยให้ผู้อยู่ได้เห็นดาวเห็นเดือน   ได้สัมผัส  อากาศ  แม้นไม่ได้ออกไปข้างนอก   และที่เรารู้สึกทึ่งมากคือเสาต้นใหญ่มาก  ผนังหนาเก็บเสียงไม่ให้รบกวนกัน

ยุ้งข้าวหาข้อมูลไว้ดังนี้



ถนนถลาง
ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ของภูเก็ต ถนนเส้นนี้จะมีอาคารตึกแถวเก่าๆสวยงามชิโนโปรตุกีสที่ได้นำมาปรับปรุงทาสีใหม่แล้ว เรียงรายอยู่เป็นจำนวนมาก และจะมีความลึกมาก มีช่องแสงอย่างน้อย 1 ช่อง บ่อน้ำ 1 บ่อตรงช่องแสง หากนับจำนวนตึกเริ่มจากสี่แยกถนนถลาง ตัดกับถนนภูเก็ต ไปจนสุดสี่แยกตัดกับถนนเยาวราช มีตึกแถวกว่า 150 คูหา 

ยุ้งข้าวชอบตึกโบราณ เพราะสวย และมีความลึกมาก
http://www.youtube.com/watch?v=JN-Fgnlnpp0

อนุสาวรีย์หลัก 60 ปี ณ สวนสาธารณะสะพานหิน ภูเก็ต


                           สถานที่ประทับใจจากแม่ถึงลูก



          อนุสาวรีย์หลัก  60  ปี  สะพานหิน  หรือที่คนภูเก็ตเรียกกันสั้นๆว่าหอย  สะพานหิน  กิจกรรมหลักๆตั้งแต่สมัยคุณแม่ยังเป็นเด็กคือ  ไปลื่นหอย  ความสนุกและประทับใจถูกส่งต่อมายังรุ่นลูก  และลูกๆก็ประทับเช่นเดียวกัน  ทุกครั้งที่ไปภูเก็ต  แม่มักได้ยินเสียงเรียกร้องทุกครั้งคือ  พาไปลื่นหอยด้วยนะ  

          แต่ครั้งนี้  ไม่เหมือนกับครั้งก่อนๆที่ผ่านมา  ยุ้งข้าวไม่ได้มาแค่ลื่นหอย  แต่ยังต้องรู้ว่านี้คืออะไร  สถานนี้และสิ่งๆนี้มีประวัติความเป็นมาอย่างไร  มีบุคคลใดที่เกี่ยวข้องกับสิ่งนี้บ้าง  เพราะเราคือบ้านเรียน  ที่นำกิจกรรมต่างๆในชีวิตมาเรียนรู้

ยุ้งข้าวหาข้อมูลไว้ดังนี้






สะพานหิน
เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ภายในตัวเมือง ตั้งอยู่สุดถนนภูเก็ต ติดชายฝั่งทะเล เป็นที่ตั้งอนุสาวรีย์หลัก 60 ปี ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2511 เพื่อเป็นที่ระลึกให้แก่กัปตันเอ็ดเวิร์ด โธมัสไมล์ ชาวออสเตรเลีย ผู้นำเรือขุดแร่ลำแรกมาใช้ขุดแร่ดีบุกเมื่อปี พ.ศ. 2452 นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งศูนย์กีฬาสะพานหินอีกด้วย

            สวนสาธารณะสะพานหิน  ชายทะเลในเมือง  ที่พักผ่อนหย่อนใจของคนภูเก็ต  






การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูเก็ต



ขอข้อมูลจังหวัดภูเก็ต

           เก็บข้าวของที่บ้านอาม่าแล้ว  เราก็ตรงมาที่นี้  ททท.ภูเก็ต  เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับจังหวัดภูเก็ต  เพื่อศึกษาและหาสถานที่ที่เราจะไปเรียนรู้กันในทริปนี้




            เมื่อมาถึง  ยุ้งข้าวแนะนำตัวกับพี่เจ้าหน้าที่  พร้อมขอข้อมูล  ซึ่่งพี่เจ้าหน้าที่ใจดี  ให้ข้อมูลเราทั้งเป็นวารสาร  เอกสาร  แผ่นพับ  และแผ่นซีดีแนะนำสถานที่ต่างๆให้มากพอกับที่เราต้องการเลย  ต้องขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ



ได้เอกสารข้อมูลแล้ว  เราก็เริ่มกันที่ลานมังกร  ณ  สวนเฉลิมพระเกียรติพรบรมราชินีนาถ

ยุ้งข้าวได้หาข้อมูลไว้ดังนี้




ลานมังกร
ในวโรกาสเฉลิมพระเกียรติ
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญมายุครบ 72 พรรษา ในปี 2547 เทศบาลนครภูเก็ตได้พิจารณาแผนงานโครงการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล จึงได้จัดทำโครงการก่อสร้างสวนเฉลิมพระเกียรติพระบรมราชินีนาถ ซึ่งได้รับความเห็นชอบให้ก่อสร้างในที่ดินราชพัสดุ ซึ่งได้รับพระกรุณาธิคุณ พระราชทานนามสวนสาธารณะแห่งนี้ว่า "สวนเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา มหาราชินี พ.ศ.2547"
"พญามังกรทะเล หรือ ฮ่ายเหล็งอ๋อง" สัตว์มงคลที่ยิ่งใหญ่ จัดสร้างเพื่อเป็นสิริมงคล โดยสืบเนื่องมาจากเมื่อครั้งที่พระยารัษฎานุประดิษฐ์ มหิศรภักดี เป็นข้าหลวง"



การเดินทางและการเรียนรู้ที่ภูเก็ต 

วันที่  3-8  มิถุนายน  2555  

           หลังจากสอบเปียโนเกรด 4 เสร็จ  ยุ้งข้าวมีภาระกิจที่สำคัญอันดับ 1 คือต้องไปเยี่ยมอาม่าที่ภูเก็ต  การเรียนรู้แบบบ้านเรียนยุ้งข้าวก็เริ่มต้นไปพร้อมกันทุกวิชาแบบบูรณาการ  เชิญติดตามได้ครับ


            สำหรับการเดินทางในครั้งนี้ ยุ้งข้าวเลือกสะพายเป้และเดินทางไปด้วยรถบัสประจำทางของบริษัทขนส่ง  จำกัด  แบบ  24  ที่นั่ง  ใช้เวลาเดินทาง  12  ชั่วโมง ระยะทาง  862  กม.  เกิดความผิดพลาดคือ  ตอนซื้อตั๋วรถ  แม่ทรัพย์  ไม่ได้ตรวจเช็คเวลาเดินทางให้เรียบร้อย  เวลาเดินทางเป็นตอนเช้า  7.30 น.  แต่เวลาที่เราต้องการเดินทางจริงคือ  20.00 น.  แต่ยังโชคดีที่มีที่ว่างเหลืออยู่  2  ที่พอดี  เจ้าหน้าที่ใจดีให้เราขึ้นรถได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม  นึกๆไป  ถ้าเป็นเครื่องบิน  เราคงต้องเสียเงินซื้อตั๋วใหม่  เพราะเป็นความผิดพลาดของเราเองแท้ๆ   

                ข้อดีของการนั่งรถไปคือเราขึ้นรถตอน 2  ทุ่ม  และได้นอนพักไปตอนกลางคืน  ตื่นตอนเช้ามีโอกาสได้นั่งชมวิวสองข้างทางไปเรื่อยๆ เราตื่นช่วงรถขับผ่านจังหวัดพังงา  เหมือนเราได้พักสายตาจากสิ่งที่เราได้พบเห็นแต่ตึกในเมืองหลวง  มาเจอต้นไม้เขียวสดชื่นไปด้วยน้ำฝนที่เพิ่งตกไป  ดูแล้วทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายมากๆ  ชักติดใจนั่งรถประจำทางแล้วสิ 

             การเรียนรู้ในทริปนี้เราจะแยกตามสถานที่ที่เราได้ไปเรียนรู้ไว้แต่ละบล็อก  เพื่อให้เป็นหมวดหมู่  ง่ายต่อจัดการเวลาในการเขียน  และการค้นหานะคะ    

                 ขอสรุปการเรียนรู้แบบบูรณาการ   แบบแยกเป็นหมวดวิชาได้ดังนี้  การแสดงความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ  หน่วยคุณธรรม  การเรียนรู้ประวัติศาสตร์  ความภาคภูมิใจต่อบุคคล   สถานที่  การเรียนรู้เหตุการณ์ต่างๆที่สำคัญ  ที่เกิดขึ้นในอดีตของจังหวัดภูเก็ต  การเรียนรู้วิถีชีวิตของผู้คนทั้งในอดีตผ่านชุมชนโบราณมาถึงปัจจุบันซึ่งยังคงดำรงอยู่เช่นเดิม  หน่วยสังคมและประวัติศาสตร์  การคำนวณระยะทาง  ระยะเวลาการเดินทางและคำนวณค่าโดยสารรถขาไปและเครื่องบินในขากลับ  การทำบัญชีค่าใช้จ่ายตลอดการเดินทาง  หน่วยคณิตศาสตร์   ค้นคว้าหาข้อมูลทั้งภาษาไทยภาษาอังกฤษ  ทำรายงานร่องร่อยการเรียนรู้ในรูปแบบรายงาน  และคลิปวิดีโอ  ในหมวดศิลปะ  มีการวาดภาพลงเฟรมผ้าใบ  การวาดภาพประกอบการเขียนรายงาน  

ยุ้งข้าวหาข้อมูลไว้ดังนี้



ภูมิประเทศ
พื้นที่จังหวัดภูเก็ต ประมาณ 70% เป็นภูเขาสลับซับซ้อนกัน ส่วนใหญ่อยู่ทางด้านตะวันตกของเกาะ มียอดเขามี่สูงที่สุดประมาณ 529 เมตร คือยอดเขา"ไม้เท้าสิบสอง" อยู่ตำบลฉลอง อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต อีกประมาณ 30% เป็นพื้นที่ราบ
ภูมิอากาศ
จังหวัดภูเก็ตอยู่ในเขตอิทธิพลลมมรสุมอากาศ จึงอบอุ่นและชุ่มชื่นตลอดปี มีเพียง 2 ฤดูกาล คือ ฤดูฝน กับฤดูร้อน เดือนมีนาคมเป็นเดือนที่มีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงสุดคือ 33.5 องศาเซลเซียล และเดือนมกราคม เป็นเดือนที่มีอุณหภูมิเฉลี่ยต่ำสุดคือ 25 องศาเซลเซียล